ไดรว์ CD/DVD เป็นเครื่องอ่านข้อมูลชนิดหนึ่งซึ่งใช้แสงเลเซอร์ในการอ่านข้อมูล โดยเครื่องนี้ในปัจจุบันสามารถทั้งอ่านและยังเขียนได้ด้วย ทำให้เกิดความสะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น และสื่อ CD/DVD ในปัจจุบันนั้นมีมากมายจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่ ไดรว์ CD/DVD โดยความเร็วในปัจจุบันถึง 54x DVD จะมีความเร็วในการอ่านอยู่ที่ 16 x ซึ่งมีทั้งแบบการเชื่อมต่อจากภายนอกและการเชื่อมต่อจากภายใน จากอดีตฟลอปปี้ดิสก์ขนาด 3.5นิ้วหนึ่งแผ่นมี ความจุเพียง 1.44 เมกะไบต์ แต่สำหรับแผ่นซีดีรอมขนาด 5.25 นิ้วหนึ่งแผ่นมีความจุมากถึง 650 เมกะไบต์ หรือที่เป็น DVD สามารถรุได้สูงสุด ถึง 30 ในแบบ Blu-ray Discซีดีรอมนอก จากจะมีความจุมากแล้วยังช่วยให้มีความเร็วในการติดตั้งโปรแกรมด้วยเพราะคุณไม่ต้องเสียเวลาในการสลับแผ่นเหมือน ฟลอปปี้ดิสก์ และยังมีความเร็วในการอ่านข้อมูลเร็วกว่าแผ่นดิสก์ทำให้มีการนำเอาซีดีรอมมาใช้มากขึ้น
ไดรว์ CD/DVD แบบเชื่อมต่อภายนอก
ส่วนประกอบด้วยหน้าของ ไดรว์ CD/DVD
ส่วนประกอบด้วยหลังของ ไดรว์ CD/DVD
แหล่งจ่ายไฟมีหน้ามีหน้าที่ในการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ภายในของคอมพิวเตอร์ทั้งหมดเลย ซึ่งก้มีหลายแบหลายขนาดให้เลือกในปัจจุบัน ทั้ง 300 w 500w หรืออื่นอีกมากมาย โดยจะนำกระแสไฟฟ้าที่จ่ายตามบ้าน 220 โวลต์ ก็เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งที่เราต้องเอาใจใส่ด้วย เพราะถ้าเกิดแหล่งจ่ายไฟไม่ดีก็เหมือนกองทัพขาดเสบียง ไม่พอกอินไม่พอใช้และแล้วก็หมดแรงสู้คนอื่นไม่ได้ เหมือนกันครับ ถ้าแหล่งจ่ายไฟฟ้าไม่เพียงพอ ก็อาจจะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณน็อกไปเลย
ตัวแปลงสัญญาณภาพ (RAMDAC)เป็นส่วนที่แปลงข้อมูลให้เป็นสัญญาณที่จะส่งไปยังจอภาพต่อไป
ระบบบัสและการติดต่อกับซีพียู
การ์ดแสดงผลจะติดต่อรับข้อมูลและคำสั่งจากซีพียูผ่านทางระบบบัส(ที่อยู่บนเมนบอร์ด)ระบบบัสที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างซีพียูกับ
การ์ดแสดงผลที่ตั้งแต่ขนาดที่รับส่งข้อมูลทีละ 8 , 16 , 32 , 64 , 128 ไปจนถึง 256 บิตหรือในอนาคตก็อาจมากกว่านี้ระบบบัสที่นิยมใช้กันในปัจจุบันสำหรับการ์ดแสดงผล ได้แก่พวก local bus ทั้งหลาย เช่น PCI (Pripheral Component Interconnect) และ AGP (Accelerated Graphic Port) เพราะเป็นระบบบัสที่มีความเร็วและประสิทธิภาพดีพอสำหรับซีพียูในยุค
ปัจจุบัน ส่วนในเครื่องรุ่นเก่าๆ จะยังพบการ์ดแสดงผลที่ต่อกับบัสแบบ ISA , EISA และ MCAได้บ้าง ซึ่งมีความเร็วต่ำกว่าพวก localbus นอกจากนี้ยังมีผู้ผลิตบางรายติดตั้งวงจรแสดงผล ไว้บนเมนบอร์ดและต่อกับซีพียูโดยตรง การออกแบบในลักษณะนี้อาจจะไม่ผ่านวงจร
ควบคุมของสล็อตแบบใดๆทั้งสิ้น แต่จะติดอยู่กับบัสของซีพียูในลักษณะของ local bus เช่นเดียวกันกับ VL – Bus , PCI และ AGP
AGP
AGP หรือ AcceleratedGraphicport เป็นระบบบัสที่พัฒนาขึ้นมาใหม่เพื่อให้ได้ความเร็วด้านกราฟิกสูงขึ้นไปอีกจนถึงระดับกิกะไบต์ต่อวินาที บัสแบบนี้เริ่มมีในเครื่องที่ใช้ชิปเซ็ต 440LX โดยจะมีเพียงสล็อตเดียวเท่านั้นบนเมนบอร์ด ทั้งนี้ AGP จะทำงานด้วยความถี่เริ่มจาก 66 MHzและต่อมาได้มีรุ่น AGP 2x ในชิปเซ็ต 440BX ที่เพิ่มความถี่เป็น 132 MHz และ AGP 4x ที่เพิ่มเป็น 266 MHz ซึ่งเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูลเป็น 2 และ 4 เท่าคือ 528 – 533 MBps และ 1056 –1064 MBps ตามลำดับ ชิปเซ็ตของ Intle ในปัจจุบันสนับสนุน AGP 2x และ 4x แล้ว แต่ยังอาจมีการ์ดบางรุ่นเท่านั้นที่จะใช้ได้แค่ AGP 1x เท่านั้น
ความเร็วที่เพิ่มขึ้นของAGPนี้อาจไม่ปรากฏชัดนักในการแสดงผลแบบ 2 มิติทั่วไปแต่จะช่วยได้มากในการแสดงผล 3 มิติ ที่ต้องมีพื้นผิว
( texture ) มาประกอบกับภาพที่สร้างขึ้นเองจากโปรแกรม ( เช่นที่ใช้ในเกมต่างๆ ) และการแสดงภาพวีดีโอที่เล่นจากไฟล์ MPEG หรือ VCD นอกจากนี้ AGP ยังยอมให้โปรเซสเซอร์ของการ์ดแสดงผลสามารถดึงข้อมูลจากหน่วยความจำหลัก ( RAM ) ในเครื่องพีซีมาใช้ได้ด้วย เช่น ใช้เก็บ texture ต่างๆ สำหรับการ์ดแสดงผล 3 มิติ เป็นต้น ซึ่งจะดึงมาแสดงผลบนจอได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาก๊อปปี้มาใส่ในแรม บนการ์ดอีกที่หนึ่งก่อนวิธีการทำงานแบบนี้เรียกว่า AGP Texturing หรือ Direct Memory Execute ( DIME ) ซึ่งจะใช้ได้ในเครื่องที่ใช้ Windows 95 ORS 2.1หรือWindows98ขึ้นไปเท่านั้นซึ่งจะต้องใช้ส่วนประกอบ ทางซอฟแวร์ คือ Memory Manager เวอร์ชั่นใหม่ (VMM32.VXD) ที่มากับไฟล์ USBSUPP.EXE สำหรับอัปเกรดเรื่อง USB นั่นเอง นอกจากนี้ยังต้องใช้ร่วมกับ DirectX 5
ขึ้นไปด้วยส่วยผู้ขายการ์ดก็จะต้องให้ไดรเวอร์ที่ถุกต้องคือไฟล์ VMM32.VXD มาด้วยจึงจะใช้ตรงกัน( VGARTD ย่อมาจาก Virtual Graphics Address Remapping Table )
โครงสร้างของบัสแบบ AGP
บัสแบบ AGP ทำงานได้เร็วเพราะนอกจากจะใช้ความถี่ที่สูงกว่าPCI แล้วยังมีกลไกลเพิ่มเติมอีกหลายอย่าง เช่นการที่ทำงานโดยมีเพียงสองฝ่ายคือชิปเซ็ตกับการ์ดแสดงผลเท่านั้น ไม่มีอุปกรณ์อื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องจึงสามารถทำความเร็วได้เต็มที่โดยไม่ต้อง มีใครมาแบ่งเวลาหรือขัดจังหวะเหมือนบัส PCI ที่ใช้ร่วมกันระหว่างหลายๆอุปกรณ์ จุดสำคัญของ AGP คือ ชิปเซ็ตต้องเป็นตัวจัดการ ซึ่งต้องเป็นรุ่น 440LX , 440BX และ440EX หรือเทียบเท่าขึ้นไปจึงจะใช้ได้ ดังรูปส่วนประกอบของบัส AGP
นอกจากนี้การที่การ์ดแสดงผลสามารถอ้างถึงหรือเรียกใช้ข้อมูลในแรม ของพีซีโดยตรงที่เรียกว่า Direct Memory Execute ( DIME ) นั้นก็จะผ่านชิปเซ็ตอีกเช่นกันโดยจะมีการกันที่ส่วนหนึ่งไว้โดยเฉพาะให้ใช้ ร่วมกันระหว่างการ์ดแสดงผลฝ่ายหนึ่ง กับCPU และอุปกรณ์อื่นๆที่ใช้บัส PCI อีกฝ่ายหนึ่ง โดยใช้กลไกลที่เรียกว่า GRAT ในการmap เอาแรม ที่อาจไม่ต่อเนื่องกัน มาให้ปรากฏเสมือนเป็นพื้นที่ต่อเนื่องทั้งสองฝ่ายเรียกใช้ได้เหมือนกันซึ่งแอดเดรสของหน่วยความจำที่เรียกใช้ผ่าน GART ได้นี้จะเรียกว่า “ ช่องเปิดของ AGP”ดังรูป
ฮาร์ดดิส (HARDDISK) คืออะไร
ทำให้แผ่นแม่เหล็กหมุนไปพร้อมๆกัน Hard Disk ใช้หัวอ่านเพียงหัวเดียวในการทำงาน ทั้งอ่านและเขียนข้อมูล ในการเขียนข้อมูลหัวอ่านจะได้รับกระแสไฟฟ้าผ่านเข้าสู่คอยล์ของหัวอ่าน เพื่อรับข้อมูล เป็นการแปลงความหนาแน่นของสารแม่เหล็กที่เคลือบอยู่บน Disk ออกมาให้กับ CPU เพื่อทำการประมวลผล ส่วนการเก็บข้อมูล จะเก็บอยู่ในรูปแบบของสัญญาณดิจิตอล โดยเก็บเป็นเลขฐาน 2 คือ 0 และ 1 การเก็บข้อมูลจะเริ่มอินเตอร์เฟส “Interface” หรือการเชื่อมต่อของฮาร์ดดิส มีดังนี้
1. แบบ IDE (Integrate Drive Electronics)
2. . แบบ E-IDE (Enhanced Integrated Drive Electronics)
Serial ATA มีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลที่ 1.5 Gbit/s
Serial ATA II มีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลที่ 3 Gbit/s
Serial ATA III มีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลที่ 6 Gbit/s
ตัวอย่างการทำงานของ Buffer บน Harddisk
ในกรณีอ่านข้อมูลบน Harddisk ก็จะอ่านข้อมูลจาก Harddisk ในส่วนที่คาดว่าจะถูกใช้งานต่อไปมาเก็บไว้ล่วงหน้าบน Buffer ก่อนเพื่อง่ายต่อการดึงข้อมมูลออกไปใช้งาน ไม่ต้องมาหาใน Harddisk โดย Harddisk ที่มีขายทั่วไปจะมี Buffer อยู่ที่ 8MB 16MB 32MB ซึ่งค่า Buffer ยิ่งเยอะการทำงานของ Harddisk ก็จะมาส่วนทำงานได้เร็วขึ้นด้วย ราคาก็เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ความเร็วในการหมุนของ Harddisk
ใน Harddisk จะมีแผ่นแม่เหล็กวางอยู่ด้านใน การทำงานของแผ่นแม่เหล็กนี้ ก็คือ จะเก็บข้อมูลไว้ในแผ่นแม่เหล็ก และเมื่อมีการอ่านหรือเขียนข้อมมูล ก็จะดำเนิการโดยหัวอ่าน ซึ่งความเร็วรอบของ แผ่นแม่เหล็กนี้ ถ้ายิ่งเร็วก็จะทำให้การอ่านหรือเขียนข้อมูลได้เร็วมากยิ่งขึ้น ความเร็วใน Harddisk ทั่วๆไปอยู่ที่ 7200 รอบต่อวินาที แต่มีบางรุ่นที่เร็วกว่านี้ซึ่งก็ต้องแรกกับราคาที่สูงขึ้นเช่นกัน
การบำรุงรักษา
การ Defrag ซึ่งก็คือการจัดเรียงข้อมูลใน Hard Disk เสียใหม่เพื่อให้ Hard Disk ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ทุกครั้งที่เราเขียนข้อมูล ไม่ว่าจะด้วยการติดตั้งโปรแกรมใหม่ หรือว่าใช้คำสั่ง Save จากโปรแกรมใดๆ ก็ตาม หรือการ Download ข้อมูล Program จาก Internet รวมไปถึงการ Copy ข้อมูลลงไปใน Hard Disk นั้น สิ่งที่เครื่อง คอมพิวเตอร์ต้องสั่งให้ Hard Disk ทำคือ เขียนข้อมูลเหล่านั้นลงไปบนพื้นที่ว่างบน Hard Disk ซึ่งการเขียนข้อมูลของ Hard Disk นั้นจะไม่เหมือนกับการเขียนข้อมูลในหนังสือหรือกระดาษอย่างที่เราทำกัน แต่โครงสร้างของ Drive จะแบ่งออกเป็นส่วนย่อยๆ เป็นบล็อกอย่างที่เรารู้จักกันคือ Cluster ในการเขียนข้อมูลนั้น เครื่องคอมพิวเตอร์ต้องเข้าไปจองพื้นที่เป็น Cluster โดยที่ไม่สนใจว่าจะใช้เต็มพื้นที่หรือไม่ ถ้าข้อมูลมีขนาดใหญ่เกินไปก็จะใช้พื้นที่หลายๆ Cluster ซึ่งจะว่าไปแล้วในตอนแรกนั้นข้อมูลก็ยังคงจะเรียงกันอย่างเป็นระเบียบอยู่ อย่างที่ควรจะเป็น แต่ว่าเมื่อมีการใช้งานหนักเข้าเรื่อยๆ โดยเฉพาะ Application ต่างๆ บนวินโดวส์จำเป็นต้องมีการเปิด File หลายๆ File พร้อมกัน รวมทั้งมีการเขียนและลบ File บ่อยๆ จะทำให้ข้อมูลกระจายออกไป
เมนบอร์ด (Mainboard)
เมนบอร์ดเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญรองมาจากซีพียู เมนบอร์ดทำหน้าที่ควบคุม ดูแลและจัดการๆ ทำงานของ อุปกรณ์ชนิดต่างๆ แทบทั้งหมดในเครื่องคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่ซีพียู ไปจนถึงหน่วยความจำแคช หน่วยความจำหลัก ฮาร์ดดิกส์ ระบบบัส บนเมนบอร์ดประกอบด้วยชิ้นส่วนต่างๆ มากมาย เมนบอร์ดที่ใช้งานในปัจจุบันนั้นส่วนใหญ่เป็นแบบ ATX เกือบทั้งหมดแล้ว เทคโนโลยีของเมนบอร์ดเองก็ได้มีการพัฒนาไปมากเช่นกัน ซึ่งมีเทคโนโลยีเข้ามาในการเพิมประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น มีสีสันที่สวยงามโดยเฉพาะคนที่ชอบแต่งเครื่องของตัวเองจะเลือกสีสันที่มีความสวยงามมารู้จักส่วนประกอบของเมนบอร์ด
2.5LAN ช่องการเชื่อมต่อแลน ใช้สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายที่อยู่ในระบบ
2.6 ช่องต่อเสียง ไว้สำหรับการเชื่อมต่อเสียง ทั้งเสียง Input และ Output ทั้งลำโพง ทั้งไมค์
3.สล็อต์ AGP
ใช้สำหรับการเชื่อมต่อของการ์ดแสดงผล มีทั้ง AGP และ PCI Express เพื่อเชื่อมต่อให้กับมอนิเตอร์ใช้ในการแสดงผล
4.สล็อต PCI
ใช้สำหรับการเชื่อมต่อการ์ดต่างๆที่ไม่ต้องการความเร็วสูงมากนัก เช่นการ์ดเสียง การ์ดแลน และโมเด็มใช้สำหรับการเชื่อมต่อ
5.ตัวอ่านแผ่นดิสก์
ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ใช้แล้วแต่ให้สำหรับการเชื่อมต่อ Memory Card ต่างๆ แต่ต้องชื้อตัวมาเพิ่ม
6.ซิปเซต
ถือได้ว่าเป็นมีความสำคัญ เพราะทำหน้าที่ควบคุมการทำงานต่างๆบนเมนบอร์ด โดยจะมีซิปเซตอยู่ 2 ส่วนด้วยกันคือ
– North Bridge จะทำหน้าที่คอบควบคุม ซีพียู แรม และการ์ดแสดงผล
– South Bridge จะทำหน้าที่ควบคุมสล็อตต่างๆ
7.หัวต่อ SATA
ซึ่งใช้ในการเชื่อมต่อฮาร์ดดิสก์ แบบ SATA ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อแบบอนุกรม ซึ่งมีข้อดีทั้งประหยัดพลังงานและประหยัดพื้นที่ อีกทั้งยังทำให้ระบายความร้อนภายในเคสได้ดีอีกด้วย
8.หัวต่อแบบ IDE
ใช้ในการเชื่อมต่อแบบ IDE ทั้งแบบที่เป็นฮาร์ดดิสก์ และ CD/DVD ROM
9.ต่อแหล่งจ่ายไฟ
ที่ใช้สำหรับในการต่อแหล่งกระแสไฟฟ้า จากพาวเวอร์ซับพราย โดยจะมีทั้งรุ่นเดิมที่ใช้ 20 Pin และในปัจจุบัน 24 Pin โดยจะมีทั้งหมด อยู่ 2 แถว
10.ซ็อกเก็ตแรม